วิธีเลือก และกินเค้กที่ไม่อ้วนแม้จะอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก
คนที่กำลังลดความอ้วนส่วนใหญ่ คงจะต้องอดกินเค้กที่อยากกินใช่ไหมครับ
แต่สิ่งที่ผมนะนำเสนอต่อไปนี้คือวิธีเลือก และวิธีกินเค้กไม่ให้อ้วนแม้จะอยู่ในช่วงลดน้ำหนักครับ
เค้กนั้นก็มีหลายประเภทใช่ไหมครับ บางทีเค้กที่เราชอบมากๆ อาจจะเป็นเค้กต้องห้าม ห้ามกินในระหว่างลดน้ำหนักก็ได้ แต่วิธีต่อไปนี้จะทำให้คุณสนุกกับการกินเค้กได้ครับ
นึกถึงวัตถุดิบทำเค้ก
วัตถุดิบที่ใช้ทำเค้กสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทครับ
1. วัตถุดิบที่มีไขมันสูง เช่น เนย หรือครีมสด(ให้ 9 kcal ต่อ 1 กรัม)
2. วัตถุดิบที่มีโปรตีนสูง เช่นไข่หรือนมเช่นไข่หรือนม (ให้ 4 kcal ต่อ 1 กรัม)
3. วัตถุดิบที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง เช่น น้ำตาล แป้ง(ให้ 4 kcal ต่อ 1 กรัม)
จะเห็นได้ว่าวัตถุดิบในแต่ละประเภทให้แคลอรี่ที่ต่างกัน ดังนั้นถ้าเราเลือกเค้กที่มีไขมันสูง แม้จะกินในปริมาณเท่ากันกับเค้กอื่นๆ แต่ก็ได้รับแคลอรี่สูงแน่นอนครับ ส่วนโปรตีนกับคาร์โบไฮเดรตนั้นพอๆ กันครับ
เค้กที่มีไขมันสูง คือ ?
เอาล่ะครับ มาเริ่มกันที่เค้กไขมันสูงก่อนเลย เค้กประเภทนี้มักใช้เนย และครีมสดเป็นส่วนผสมในปริมาณมาก เช่น mille feuille pie, ganache cream chocolate, shortcake, Bavarois, mouse ชื่อขนมเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีครีมสดมาก ส่วนที่มีเนยมาก เช่น cheesecake, muffin หรือพวกขนมอบต่างๆ ขนมเหล่านี้เพียง 1 ชิ้น ให้แคลอรี่สูงถึง 400 kcal ครับ ถือเป็นขนมเค้กที่มีแคลอรี่สูงที่สุดครับ
เค้กที่มีโปรตีนสูง
เค้กประเภทนี้คือเค้กที่มีส่วนผสมของไข่และนมเป็นหลัก เช่น พุ้ดดิ้ง, ชูครีม, เค้กชีฟอง, เครป, ชีสเค้ก(ธรรมดา) เป็นต้น เค้กประเภทนี้ให้แคลอรี่ไม่ค่อนสูงเท่าไร 1 ชิ้น ประมาณ 200 kcal สามารถกินได้บ้างในช่วงลดน้ำหนัก
เค้กที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง
ขนมฝรั่งส่วนใหญ่มักจะใช้น้ำมันในการประกอบอาหาร และไม่ค่อยใช้คาร์โบไฮเดรตเป็นส่วนประกอบสักเท่าไร จะมีก็แต่แพนเ้ค้กครับ ส่วนขนมญี่ปุ่นนั้นจะมีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนประกอบหลัก จึงให้คาร์โบไฮเดรตสูง ขนมญี่ปุ่นที่เป็นชิ้นเล็กๆ 1 ชิ้น จะให้แคลอรี่ประมาณ 100 kcal ถือว่าสามารถกินได้บ้างในระหว่างลดความอ้วน
ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่มีเส้นใยอาหารมาก
เส้นใยอาหารมีหน้าที่ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดดีขึ้น ป้องกันไขมันในร่างกายจับตัวกัน เป็นหนึ่งในสารอาหารที่ถ้ากินในปริมาณที่เหมาะจะมีประโยชน์ต่อการลดความอ้วน ดังนั้นลองเลือกเค้กที่มีวัตถุดิบที่มีเส้นใยอาหารมากๆ ก็จะช่วยเรื่องลดความอ้วนได้ครับ เช่น เค้กที่มีส่วนผสมของผัก หรือถั่วต่างๆ ครับ ตัวอย่างวัตถุดิบที่มีเส้นใยอาหาร
- เผือก
- งา
- เกาลัด
- อัลมอนด์
- ถั่วพิตาชิโอ
- ถั่วต่างๆ
- ผลไม้อบแห้ง
- บลูเบอร์รี่
- มะเดื่อ
- ชาเขียวมัชฉะ
- ฟักทอง
หากเค้กที่จะกินไม่มีวัตถุดิบที่มีเส้นใยอาหารอยู่เลย ก่อนกินเค้กให้กินอาหารอะไรก็ได้ที่มีเส้นใยอาหารมากๆ ก็พอจะใช้ได้บ้างครับ
อย่างเช่น มื้อกลางวันกินสาหร่ายทะเล เห็ด หรือเมนูผักเข้าไปมาก หลังจากนั้นก็กินเค้กได้ครับ หรืออาจจะดื่มเครื่องดื่มที่มีเส้นใยอาหารผสมอยู่ ที่มีขายตามท้องตลาดก็ให้ผลเช่นเดียวกันครับ
ทั้งนี้ไม่ควรทิ้งช่วงไว้นานครับ หลังจากกินอาหารที่มีเส้นใยแล้วก็ควรกินเค้ก นานสุดไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมงนะครับ ไม่อย่างนั้นจะไม่เกิดผลใดๆ
ถ้าจะเลือกกิน ต้องเป็นเค้กแบบนี้ !
- ชีสเค้กที่มีส่วนผสมของผัก อย่างเช่นฟักทอง
- ทาร์ตที่มีผลไม้สดเป็นส่วนผสม และไม่ใช้ครีมสด
- พุ้ดดิ้งคาสตาร์ดทั่วไป
- เค้กชีฟอง ที่ไม่มีครีมสด
เค้กที่ต้องระวัง
- เค้กที่มีเนย ครีมมาก
- เค้กที่มีช็อกโกแลตมาก
- เค้กที่มีถั่ว หรือส่วนผสมที่มีรสหวาน อย่างน้ำตาล หรือคาราเมลมาก
- mille feuille pie
- ganache cream chocolate
- ทาร์ตที่ใช้แป้งอัลมอนด์
- ทาร์ตที่ใช้มันเทศหรือเกาลัดมากเกินไป
- มูสคาราเมล
- เค้กมองบลังค์
- เค้กเหล่านี้ต้องกินแต่พอดี เพื่อป้องกันแคลอรี่เกินนะครับ
วิธีกิน และเวลาที่ดีที่สุด
นอกจากวิธีเลือกเค้กแล้ว เวลาก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่ใช่พอเลือกเค้กแล้วจะกินเวลาไหนก็ได้ เวลาที่ดีที่สุดคือตั้งแต่บ่ายสองโมง- หกโมงเย็น เป็นเวลาที่กินแล้วอ้วนยากครับ เป็นเพราะว่าช่วงเวลาดังกล่าว ร่างกายของเรามีอุณหภูมิสูงที่สุด เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายเผาผลาญพลังงานจากกิจกรรมระหว่างวันได้ดี
ถ้าเรากินหลังมื้อเย็น หรือกลางดึก ตอนนั้นเราก็ไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรมากแล้ว แคลอรี่ที่ได้รับเข้าไปก็กลายเป็นไขมันสะสมครับ นอกจากนี้กลางดึกยังเป็นเวลาที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ไขมันจับตัวกันด้วยครับ ทีนี้มาถึงเรื่องปริมาณการกินครับ
ใน 1 วัน ควรกินไม่เกิน 200 kcal ครับ และในหนึ่งครั้งก็ไม่ควรกินเกิน นอกจากนี้การกินเค้กมากๆ ให้อิ่มไปเลยในตอนที่ท้องว่าง จะทำให้เกิดไขมันสะสมได้ง่าย จึงควรหลีกเลี่ยงครับ สรุปง่ายๆ เค้กกินได้ แต่ต้องรู้จักเลือก และกินในปริมาณที่เหมาะสมนะครับ