ผลไม้วิธีกินผลไม้ไม่ให้อ้วนในช่วงลดน้ำหนัก
ดูเหมือนว่าจะมีคนไม่น้อยที่คิดว่าในผลไม้มีน้ำตาลเยอะ ไม่ดีต่อการลดความอ้วนก็เลยไม่กิน บางอย่างก็จริงครับ แต่อย่าลืมว่าในผลไม้นั้นยังมีวิตามินมากมาย บำรุงผิวพรรณให้สวยเปล่งปลั่งได้ด้วยนะครับ บทความนี้ผมจะมีอธิบายให้ชัดๆ ไปเลยสรุปแล้วผลไม้ต่อหรือไม่ดีต่อสุขภาพอย่างไรครับ
กินผลไม้แล้วอ้วน ? สารอาหารที่อยู่ในผลไม้
สารอาหารเด่นที่อยู่ในผลไม้คงไม่จะไม่ใครไม่นึกถึง วิตามิน C นอกจากนี้ก็ยังมี วิตามิน C และ B อีกด้วยครับ วิตามินก็จะช่วยเรื่องผิวพรรณ และยังมีธาตุเหล็กที่สาวๆ หลายคนต้องการด้วยครับ แถมยังให้เส้นใยอาหารซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการลดน้ำหนัก เพราะจะช่วยป้องกันการจับตัวของไขมันในร่างกาย บางชนิดก็ให้แคลเซียมที่ช่วยรักษาอาการบวมน้ำได้ด้วยครับ ความหวานในผลไม้เป็นน้ำตาลที่เรียกว่า ฟรักโตสครับ
น้ำตาลในผลไม้เปลี่ยนเป็นไขมันได้ง่าย ?
อย่างไรก็แล้วแต่ ในผลไม้มีน้ำตาลอยู่มาก ดังนั้นจึงไม่ควรกินมากเกินไป ถึงแม้ว่าจะมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายก็ตาม น้ำตาลฟรักโตสที่มีอยู่ในผลไม้นั้น ก็มีอยู่มากในน้ำผึ้งเช่นกัน ความหวานนี้มีลักษณะพิเศษคือ เมื่อตอนที่กินเข้าไปรสชาติแรกที่ลิ้นรู้สึกคือหวานมาก จากนั้นความหวานจะค่อยๆ ลดไปในระดับพอดี หากนำไปแช่เย็นก็จะกินได้ง่าย และมีรสอร่อยมากขึ้น ดังนั้นเราจึงเห็นเครื่องดื่มหลายยี่ห้อผสมน้ำผึ้งลงไปนะครับ
น้ำตาลฟรักโตสมีคุณสมบัติพิเศษอีกอย่างคือร่างกายดูดซึมได้เร็ว เหมาะที่จะเป็นน้ำตาลเติมพลังงานในขณะออกกำลังกาย และเพราะว่าดูดซึมได้เร็ว จึงไม่ควรมากๆ ในตอนดึกเพราะจะเปลี่ยนเป็นไขมันได้ง่ายครับ
รายชื่อผลไม้กินได้ อ้วนยาก|ผลไม้ที่แนะนำคือ ผลไม้กลุ่ม citrus หรือในสกุลส้ม
ผลไม้ที่มีน้ำตาล และแคลอรี่ต่ำ นั้นคือผลไม้ที่มีกรดอ่อนๆ อย่างผลไม้กลุ่ม citrus 100 กรัม ให้แคลอรี่ไม่ถึง 50 kcalครับ
แต่จะอย่างไรก็ตามก็กินแต่พอดีนะครับ *ผลไม้ปอลเปลือกแล้ว ชั่งเฉพาะเนื้อ
สตรอเบอร์รี่ | 34 kcal | 100 กรัม หรือประมาณ 7 ลูก |
ส้มแมนดาริน | 43 kcal | 1 ลูก ประมาณ 70 กรัม 30 kca |
ส้มเนปาล | 46 kcal | 1 ลูก ประมาณ 130 กรัม 60 kcal |
ส้มวาเลนเซียร์ | 39 kcal | 1 ลูก ประมาณ 130 กรัม 51 kcal |
เกรปฟรุ้ต | 38 kcal | 1/2 ลูก ประมาณ 115 กรัม 44 kcal |
แตงโม | 37 kcal | 1/8 ลูก ประมาณ 360 กรัม 133 kcal |
สาลี่ญี่ปุ่น | 47 kcal | 1 ลูก ประมาณ 70 กรัม 30 kcal |
ส้มจีน | 40 kcal | 1 ลูก ประมาณ 200 กรัม 80 kcal |
ส้ม Hassaku | 45 kcal | 1 ลูก ประมาณ 200 กรัม 90 kcal |
มะละกอ | 38 kcal | 1/2 ลูก ประมาณ 170 กรัม 65 kcal |
โลควอท | 40 kcal | 3 ลูก ประมาณ 100 กรัม |
บลูเบอร์รี่ | 49 kcal | 1/2 ถ้วยพูน ประมาณ 100 กรัม |
เมลอน | 42 kcal | 1/8 ลูก ประมาณ 150 กรัม 63 kcal |
ลูกท้อ | 40 kcal | 1 ลูก ประมาณ 160 กรัม 64 kcal |
ราสเบอร์รี่ | 40 kcal | 1 ลูก ประมาณ 160 กรัม 64 kcal |
ผลไม้ที่กินแล้วอ้วนง่าย ผลไม้อบแห้ง และผลไม้กระป๋องต้องระวัง !
ทีนี้มาดูกันบ้างว่าผลไม้อะไรบ้างที่ให้แคลอรี่และน้ำตาลสูงครับ
- อโวคาโด 187 kcal (1/2 ลูก ประมาณ 80 กรัม 150 kcal)
- ทุเรียน 133 kcal (1 พูก็พอแล้วครับ)
- กล้วย 86 kcal ( 1 ลูก )
* คิดจากปริมาณที่เท่ากันคือ 100 กรัม
นอกจากนี้ยังมีผลไม้อื่นๆ อีกที่ต้องระวังครับ ได้แก่ผลไม้อบแห้งต่างๆ แม้จะอบแห้งแต่ก็ยังไม่แคลอรี่เท่ากับตอนที่เป็นผลไม้สดครับ รวมถึงผลไม้กระป๋องด้วยครับ ผลไม้กระป๋องมักจะเติมน้ำตาล หรือน้ำเชื่อมเพิ่มเข้าไป ทำให้มีแคลอรี่สูงกว่าปกติถึง 1.5 เท่าครับ บางชนิดบางยี่ห้อต้องนำไปผ่านความร้อน ทำให้วิตามิน C หายไป ไม่เหมือนผลไม้สด ดังนั้นไม่ควรกินมากเกินไปครับ
วิธีกินผลไม้ไม่ให้อ้วน
ผลไม้มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด ดังนั้นควรกินให้ได้ทุกวันครับ ทั้งนี้จะต้องกินให้ถูกวิธี และถูกเวลาครับ ระวังเรื่องของปริมาณด้วย หากต้องเลือกสักมื้อ ควรกินผลไม้ในมื้อกลางวัน ประมาณ 200 กรัม จะดีที่สุดครับ
เวลากิน
ถ้าเป็นไปได้ให้กินในช่วงเช้าไปจนถึงกลางวัน เวลาไหนก็ได้ครับ เพราะเป็นเวลาที่ร่างกายได้เคลื่อนไหว มีการใช้พลังงาน ถ้ากินตอนดึกอาจทำให้เกิดไขมันสะสมได้ครับ แต่ถ้าเกิดว่าอยากกินของหวานๆ ในตอนกลางคืน เลือกกินผลไม้ แทนเค้ก หรือซอฟต์ดริ๊งดีกว่านะครับ
ปริมาณที่กิน
ใน 1 วันควรกินให้ได้ 200 กรัมครับ และไม่ควรเกินกว่านี้ไปมากครับ ต่อให้เป็นของที่มีประโยชน์อย่างไร แต่ถ้ากินเกินพอดีก็ส่งผลเสียต่อร่างกายไ้ด้ครับ กินให้ได้แบบนี้ทุกวันก็จะดีต่อสุขภาพครับ ลองดูตัวอย่างต่อไปนี้นะครับ
- กินผลไม้ให้ได้ 200 กรัม
- สตรอเบอร์รี่ 15 ลูก
- กล้วย 2 ลูก
- กีวี 2 ลูก
- ส้ม 1 ลูก
- เกรปฟรุ้ต 1 ลูก