วิธีควบคุมแต่แคลอรีอย่างเดียวมันเชยไปแล้ว !?

เมื่อเร็วๆ นี้มีผู้เชี่ยวชาญออกมาบอกว่าวิธีการลดน้ำหนักที่ดีไม่ใช่แค่ควบคุมแคลอรีเท่านั้น แต่ต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของอาหารและเวลากินอาหารด้วยครับ

นอกจากนี้ก็ยังพบว่าหากควบคุมปริมาณแคลอรีนั้นไม่สามารถสร้างร่างกายไม่ให้อ้วนง่ายได้ สิ่งสำคัญสำหรับการสร้างร่างกายให้อ้วนยากมีแค่ข้อเดียวง่ายๆ ครับ

นั่นคือ รักษาจังหวะของร่างกายให้เป็นปกติ สิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุดคือ การกินข้าวเช้าครับ แต่ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญแล้วก็ยังมีความคิดที่แตกออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งก็เชื่อว่ามื้อเช้าสำคัญ ในขณะที่อีกกลุ่มก็บอกว่าไม่จำเป็น เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าทำไมการลดน้ำหนักด้วยการควบคุมแคลอรีอย่างเดียวมันไม่พอ ลองมาอ่านสิ่งที่ผมจะเสนอต่อไปนี้นะครับ

คำอธิบายที่ว่า “มื้อเช้าไม่จำเป็น”

จากผลการสำรวจโภชนาการของคนญี่ปุ่นล่าสุดพบว่าสัดส่วนคนที่ไม่กินข้าวเช้าให้เป็นนิสัย คิดเป็นผู้ชาย 10.7% ผู้หญิง 6.0% ดูแล้วอาจเป็นสัดส่วนไม่ค่อยมากเท่าไรนะครับ แต่เมื่อดูข้อมูลเชิงลึกจะพบว่า คนอายุช่วง 21-30 ปี ใน 5-6คน จะมีคนที่ไม่ได้กินข้าวอยู่ 1 คน ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่า ทำงานจนถึงดึก ทำให้ต้องกินมื้อเย็นดึกไปด้วย พอเช้าถัดไปก็เลยไม่รู้สึกหิว

คนที่ใช้ชีวิตแบบกินมื้อเย็นดึก กินของที่มีแคลอรีสูง ดื่มเหล้าจนดึก เวลาไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกก็ไม่คิดก่อน กินของที่มีไขมันสูงบ้าง ของที่มีแคลอรีสูงบ้าง แบบนี้มีโอกาสอ้วนแน่นอนครับ

คนที่มีพฤติกรรมการกินแบบนี้อยู่ก่อนแล้ว มักจะป้องกันการกินเกินโดยที่ตัวเองมักจะคิดว่า “ไม่ต้องกินจนกว่าจะหิว” หรือ “อาหารเช้าไม่จำเป็นสำหรับคนยุคปัจจุบัน” ทั้งหมดทั้งมวลที่อธิบายมาทำให้คนลักษณะแบบนี้เข้าใจว่ามื้อเช้าไม่ต้องกินก็ได้ครับ อย่างไรก็ตามการกินข้าวเช้าก็มีข้อดีมากกว่าไม่กินอยู่ดีครับ

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วมากินข้าวเช้าให้อร่อยกันดีกว่า

ถ้าจำนวนมื้ออาหารน้อย อาจส่งผลเสียได้นะครับ เพราะจะกลายเป็นว่าได้รับแคลอรีสูง แต่ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่ครบ มีหลายคนที่ไม่กินข้าวเช้า ในวันหนึ่งๆ กินแค่ข้าวกลางวันกับข้าวเย็นซึ่งเสียงที่จะเกิดภาวะขาดสารอาหารมากครับ

นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะรวบมื้ออาหารเข้าด้วยกัน ทำให้ปริมาณอาหารในแต่ละมื้อมากเกินไป (เช่นเอามื้อเช้ามารวมกับมื้อกลางวัน) การกินทีละมากๆ จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ไขมันในร่างกายเพิ่มขึ้น วิธีควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สามารถหาอ่านได้จากเว็บไซต์นี้นะครับ

ส่วนใหญ่คนที่อายุตั้งแต่ 20-40 ปี ที่ยังทำงานอยู่ มักจะกินข้าวไม่ตรงเวลา และไม่สามารถกินข้าวได้อย่างที่ตั้งใจไว้ เวลาเครียดก็จะหันไปเพิ่งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และมักจะดื่มจนถึงดึก ดื่มไปด้วยกินไปด้วย ทำแบบนี้หลายๆ ครั้งต่อสัปดาห์ สิ่งเหล่านี้มีผลต่อสุขภาพในอนาคตอย่างแน่นอนครับ

เพื่อไม่ให้เป็นหนักไปมากกว่านี้ ทุกคนจะต้องพยายามเปลี่ยนตัวเอง ค่อยๆ ปรับ กำจัดข้ออ้างที่ว่า “ทำไม่ได้” “เผลอกิน” “ไม่มีเวลา” ออกไปให้หมด ไม่อย่างนั้น ก็จะลดน้ำหนักไม่ได้ครับ อีกทั้งถ้าปล่อยไว้อย่างนี้อาจนำโรคต่างๆ มาสู่งเราได้ครับ ก่อนอื่นทุกคนจะต้องใส่ใจกับ 3 ข้อต่อไปนี้ก่อนครับ

1. แม้จะดื่มเหล้า แต่ก็ควรนอนก่อนเที่ยงคืน
2. วันไหนที่ไม่ได้กินข้าวเช้า ก่อนถึง 9 โมงให้กินอย่างน้อย น้ำผัก 1 ขวด น้ำผลไม้ 1 ขวด นม 1 กล่อง หรือโยเกิร์ต 1 ถ้วยอย่างใดอย่างหนึ่ง
3. วันไหนที่งานยุ่ง และมีแนวโน้มว่าจะได้กินมื้อเย็นดึก ช่วง 4-5 โมงเย็น ให้กินข้าวปั้นหรือก๋วยเตี๋ยวรองท้องไว้ก่อน พอกลับบ้านดึก ก็กินแต่กับข้าวที่เป็นผัก และมีน้ำมันน้อยๆ เท่านั้นครับ

ทำไมต้องใช้ชีวิตให้ตรงเวลา

ในร่างกายของคนเราจะมีนาฬิกาชีวิตอยู่กันทุกคนครับ โดยปกติถ้าเจ้านาฬิกาชีวิตนี้ทำงานได้อย่างปกติการทำงานภายในร่างกายก็จะเป็นปกติ ก็จะทำให้อ้วนยากครับ แต่สำหรับวัยทำงานแล้ว ส่วนใหญ่นาฬิกาชีวิตมักจะทำงานไม่เป็นปกตินี่สิครับ

คนที่มีอุณหภูมิร่างกายต่ำ ก็หมายความว่ามีการเผาผลาญพลังงานต่ำ ดังนั้นกินอะไรเข้าไปก็จะทำให้อ้วนง่าย อีกกรณีคือคนที่กินอาหารไม่ครบ 3 มื้อ พลังงานไม่เพียงพอก็ส่งผลให้กล้ามเนื้อหดหาย สุดท้ายระบบการเผาผลาญไขมันก็ต่ำลง แล้วก็อ้วนง่ายในที่สุดครับ ดังนั้นการที่จะสร้างร่างกายไม่ให้อ้วนง่าย เราจำเป็นต้องดูแลหลายเรื่อง เช่น การเพิ่มอุณหภูมิร่างกาย ความสมดุลของฮอร์โมน รักษาระดับน้ำตาลในเลือดและความดันในเป็นปกติ หรือสิ่งอื่นๆ อีกมากมาย ที่เราควรดูแลให้อยู่ในสภาพที่ทำงานได้อย่างปกติ 3 สิ่งที่ผมจะอธิบายต่อไปนี้ จะช่วยทำให้คุณทำได้สำเร็จครับ

1. ก่อน 9 โมง ควรกินมือ้เช้า ซึ่งเป็นมื้อแรกของวัน (เริ่มแรกอาจเป็นเครื่องดื่มแทนข้าวก่อนก็ได้) และนอนก่อนเที่ยงคืน
2. ก่อนนอนไม่ควรเล่นคอมพิวเตอร์ หรือมือถือ เพราไฟจากสิ่งเหล่านี้จะทำให้นาฬิกาชีวิตรวน และควรตื่นเช้า
3. พยายามกินข้าวให้ตรงเวลา ไม่ควรปล่อยให้ร่างกายหิว หรือปล่อยให้ท้องว่างนานๆ เพราะเวลาที่เรากินข้าวมื้อถัดไป จะเป็นการช่วยทำให้ไขมันจับตัวในร่างกายได้ง่ายขึ้น

ทำตัวให้ยุ่งเหมือนดารา

คนที่เป็นผู้บริหารหรือเจ้าของบริษัท หรือเซเล็ปคนดัง ส่วนใหญ่เขาเหล่านี้จะกำหนดเวลาออกกำลังกายอย่างจริงจัง ให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง น้อยคนที่จะปล่อยปะละเลย ไม่สนใจตัวเอง หรือปล่อยให้อ้วนลงพุง

ถ้าเราลองสังเกตคนกลุ่มนี้ดีๆ จะพบว่าพวกเขาใช้เวลาตอนเช้าได้อย่างคุ้มค่ามากครับ อย่างแรกจะพยายามไม่อยู่งานเลี้ยงสังสรรค์จนดึงเกินไป จากนั้นจะรีบกลับบ้าน เราไม่ค่อยจะได้ยินคนเหล่านี้ไปงานเลี้ยงกลางคืน 2-3 งานติดกันในคืนเดียว หรืออยู่งานเลี้ยงนานเป็น 3 ชั่วโมง ถึงแม้จะมีบ้างแต่ก็ไม่บ่อย แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องรีบกลับบ้าน รีบนอน ตื่นแต่เช้า กินข้าวเช้า แล้วก็ออกไปทำงานแต่เช้าใช่ไหมครับ

ถ้าอ้วนก็เท่ากับ จน

ถ้าอ้วนก็คือสุขภาพไม่ดีนั่นแหละครับ พอสุขภาพไม่ดีก็ทำงานไม่ได้ หาเงินมาซื้อของอร่อยๆ กินไม่ได้ อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลแต่ละครั้งก็สูงกว่าที่คิดไว้เสียอีก มีผู้เชี่ยวชาญเคยคิดค่ารักษาพยาบาลสำหรับการรักษาโรคเบาหวาน คิดออกมาเป็นหลักล้านบาทเลยนะครับ ไม่ใช่แค่ค่ารักษาแพง แต่ถ้าป่วยหนักเราก็ทำงานหาเงินไม่ได้ เรียกว่ามีแต่เสียกับเสียนะครับ

ดังนั้นเราควรดูแลรักษาสุภาพ ตั้งแต่ตอนที่ยังแข็งแรงอยู่นะครับ อย่างแรกเลยควรเริ่มจากการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต และพฤติกรรมการกินโดยเฉพาะเรื่องเวลาครับ